วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษวันละนิด: เกมส์ และการละเล่นสำหรับเด็ก

สวัสดีครับ เพื่อนๆ พี่น้องทุกคน
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของปี พ.ศ. 2554 แล้ว ผมก็ขอส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันด้วย ศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับ เกมส์ และการละเล่น สำหรับเด็ก นะครับ  
หมายเหตุ: การละเล่นบางอย่างก็เล่นได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ครับ


เรามาเริ่มกันด้วย 
- จ๊ะเอ๋ (เบบี้)  เกมส์ที่เราเอามือปิดหน้า แล้วพอเปิดมือออกให้เห็นหน้า แล้วก็พูดว่า "จ๊ะเอ๋" นั่นเอง  ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Peekaboo.


- โป้งแปะ  หากใครนึกไม่ออก ผมบอกให้อีกชื่อก็ได้ เกมส์นี้เราเรียกอีกชื่อนึงว่า เกมส์เล่นซ่อนหา ไงครับ  ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Hide-and-seek.

- เป่ายิงฉุบ  ที่เราเหวี่ยงแขนแล้วทำมือเหมือนเป็น ค้อน กรรไกร หรือกระดาษ นั่นแหละครับ ฝรั่งเค้าใช้คำว่า Rock-paper-scissors.

- ปั่นแปะ  อันนี้คือเกมส์ปั่นเหรียญ ทายหัวก้อย นั่นแหละครับ  ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Coin flipping.  ส่วนการทายว่า "ออกหัว" หรือ "ออกก้อย" นั้น เค้าจะเรียกว่า Head (หัว) หรือ Tail (ก้อย)  ส่วนเวลาเค้าถามให้เราเลือก เค้าก็จะพูดว่า Head or Tail?

- เกมส์จับไม้สั้น ไม้ยาว อันนี้ผมไม่ค่อยอยากจะเรียกว่าเกมส์ หรือการละเล่น ซักเท่าไหร่ครับ เพราะมันเป็นการเสี่ยงดวงของคนที่จับไม้มากกว่า  ซึงฝรั่งเค้าใช้คำว่า Drawing straws.

- โยนลูกเต๋า อันนี้ก็เป็นการโยนลูกเต๋า ขานแต้ม ครับ ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Throwing dices.

- โอ น้อย ออก วิธีเล่นตามแบบของไทย ก็เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า จะล้อมวง แล้วออกมือเป็นคว่ำมือ หรือ หงายมือ  แต่สำหรับของฝรั่งนั้น เค้าจะไม่ใช้วิธีการคว่ำ หรือ หงายมือ  แต่เค้าจะใช้การออกมือเป็น นิ้วเดียว หรือ สองนิ้วครับ  ยกตัวอย่างเช่น หากมีผู้เล่น 10 คน แล้วมีคนออกมือ แบบนิ้วเดียวอยู่ 7 คน และมีคนออกมือ แบบสองนิ้วอยู่ 3 คน ก็แสดงว่าคนที่ออกมือแบบสองนิ้วต้องออกครับ เพราะมีจำนวนคนที่ออกมือแบบสองนิ้วน้อยกว่าจำนวนคนที่ออกมือแบบนิ้วเดียว  การละเล่นนี้ ฝรั่งเค้าเรียกว่า Ones-and-twos.

- งัดข้อ  เกมส์นี้ดังถึงขนาดนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้เลย ภาษาอังกฤษเค้าใช้คำว่า Arm wrestling.

- เล่นพันด้าย แบบที่เค้าใช้ด้ายร้อยใส่มือทั้งสองข้าง แล้วใช้นิ้วเกี่ยวด้ายไปมา ให้เป็นรูปลักษณะต่างๆ  เกมส์นี้เรียกว่า Cat's cradle. หรือจะเรียกว่า String figures.  ก็ได้ครับ

- โพงพาง หรือจะเรียกอีกชื่อว่า เกมส์ปิดตา คลำทาย ก็ได้ครับ  ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Blind man's bluff.  หรือจะเขียนแบบนี้ Blind man's buff. (ไม่มี ตัวแอล ที่คำว่า buff) ก็ไม่ผิดครับ

- กระโดดเชือก อันนี้จะออกแนวออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ แบบที่นักมวยเค้าใช้วอร์มอัพกันนั่นแหละครับ  แบบนี้ฝรั่งเค้าใช้คำว่า Jump rope.

- กระโดดยาง  สำหรับอันนี้เป็นการเล่นที่มีผู้เล่นสองคนจับปลายยางคนละข้าง และถือไว้ที่ระดับความสูงต่างๆ เช่น ที่ระดับข้อเท้า ระดับเข่า ระดับเอว ระดับอก ระดับคอ หรือระดับหัว แล้วให้ผู้เล่นคนอื่นๆ กระโดดข้ามยางให้ได้ (หมายเหตุ: ยางกระโดดนี้ ทำมาจากการนำยางวงมาร้อยเข้าด้วยกันให้เป็นเหมือนเส้นเชือก แต่มีความยืดหยุ่นสูง)  การละเล่นนี้เรียกว่า Jumpsies.

- ตั้งเต เห็นคำนี้แล้วคุณผู้อ่านอาจจะนึกไม่ออกว่าการละเล่นนี้คืออะไร แต่ถ้าบอกอีกชื่อนึงของการละเล่นนี้ หลายท่านต้องร้องอ๋อกันเลยครับ  เรียกว่า ตากระโดด ครับ  ที่เค้าเล่นโดยการกระโดดขาเดียวไปภายในช่องสี่เหลี่ยมที่ขีดขึ้นบนพื้น ขนาด 5 แถว คูณ 2 คอลัมน์ (รวม 10 ช่อง) ทีละช่องอันนี้ ภาษาอังกฤษ เค้าเรียกว่า Hopscotch.

- ลิงชิงหลัก การละเล่นนี้ คุณผู้อ่านคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี  ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Puss in the corner.

- มอญซ่อนผ้า การละเล่นอันนี้ก็เช่นกัน พวกเราน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว  แต่วิธีการเล่นของฝรั่งเค้าจะไม่ใช้ผ้าหรือสิ่งของอะไรวางไว้ด้านหลังครับ ผู้ที่เป็นคนเริ่มเกมส์เค้าจะใช้วิธีการแตะศรีษะและเรียกว่าเป็น เป็ด (Duck) หรือ ห่าน (Goose) แทน  หากใครถูกเรียกว่าเป็น ห่าน (Goose) ก็ต้องลุกขึ้นมาวิ่งไล่แตะ (สระแอะ นะครับ ไม่ใช่ สระเอะ) ผู้ที่เรียกให้ได้  ไม่อย่างนั้น ก็ต้องเป็นแทน  ภาษาอังกฤษของการละเล่นนี้คือ Duck, Duck, Goose.

- เก้าอี้ดนตรี  การละเล่นนี้มีชื่อภาษาอังกฤษที่แปลได้ค่อนข้างตรงตัว คือ Musical chairs.

- มวยปล้ำนิ้วโป้ง เกมส์นี้น่าสนุก แต่จะปวดนิ้วโป้งมากหลังจากที่เล่นเสร็จ  ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่า Thumb war หรือ Thumb wrestling.

- ทอยเส้น การละเล่นนี้ ฝรั่งเค้าก็มีเหมือนกันครับ เพียงแต่ว่าเค้าไม่ได้ทอยเหรียญไปที่เส้น  แต่ฝรั่งจะใช้วิธีทอยเหรียญไปที่ผนังแทน ใครทอยไปอยู่ใกล้ผนังที่สุด (ต้องให้เหรียญโดนผนังก่อน) ก็เป็นผู้ชนะครับ ภาษาอังกฤษเรียกการละเล่น (พนัน) นี้ว่า Pitching pennies.


- ชักกะเย่อ  ผมไม่แน่ใจว่า การละเล่นนี้ถือเป็นกีฬายอดนิยมอย่างนึงของฝรั่งเค้ารึเปล่า เพราะเค้ามีชื่อเรียกหลายชื่อมากมายเลยครับ เช่น Tug of war, Tug o' war, Tug war,  Rope war หรือ Rope pulling.

มาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็ขอขอบคุณมากที่ติดตามอ่านจนจบ

สวัสดีปีใหม่ 2555 ครับ  ปีใหม่นี้ก็ขอให้ทุกคนได้หัวเราะ 555 เหมือนเลขปี พ.ศ. นี้เลยนะครับ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษวันละคำ: เกี่ยวกับเครื่องเล่นของเด็ก

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับคำภาษาอังกฤษที่ใช้เรียกเครื่องเล่นของเด็กกัน เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับพวกพ่อแม่ผู้ปกครองบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

เครื่องเล่นของเด็ก ในที่นี้ ผมหมายถึง อุปกรณ์ที่มีไว้ให้เด็กๆ เล่นกันในสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือในโรงเรียนครับ  ในภาษาอังกฤษ เค้าจะเรียกสถานที่ที่มีเครื่องเล่นเหล่านี้ว่า Playground ซึ่งเครื่องเล่นเหล่านี้ นอกจากจะให้ความสนุกสนานกับเด็กๆ แล้ว ก็ยังทำให้เด็กๆ ได้ออกกำลังกาย สร้างความแข็งแรง และเพิ่มจินตนาการจากการเล่นด้วย

เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ และถ้าจะให้ผมอธิบายลักษณะเครื่องเล่นแต่ละอย่างเป็นคำพูด ก็อาจจะทำให้ผู้อ่านปวดหัวกันไปใหญ่ ดังนั้นผมจะลงรูปประกอบเลยก็แล้วกันนะครับ :)


picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Seesaw-aa.jpg

slide = กระดานลื่น
 
  picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Slide_in_Parque.jpg

monkey bars = ราวโหน

 picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:ManonMonkeyBars.jpg

sandbox = บ่อทราย
 
 picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Sandpit.jpg

merry-go-round = ม้าหมุน

 
 picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:W.F._Mangels_Kiddie_Galloping_Horse_Carrousel.jpg

swing = ชิงช้า


picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Little_girl_on_swing.jpg

Ferris wheel = ชิงช้าสวรรค์

 
 picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Wiener_Riesenrad_DSC02378.JPG

jungle gym คำนี้ยังไม่มีคำเรียกเป็นภาษาไทยอย่างเป็นทางการครับ ดังนั้นผมขอเรียกทับศัพท์ว่า จังเกิ้ลยิม นะครับ

 picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Jungle-gym.jpg

 spring rider คำนี้ก็ยังไม่มีคำเรียกเป็นภาษาไทยอย่างเป็นทางการครับ ดังนั้นผมขอเรียกว่า ม้าสปริง ก็แล้วกันนะครับ :)

picture source:http://en.wikipedia.org/wiki/File:Hemelrijken10a.jpg




ท้ายนี้ขอขอบคุณเจ้าของภาพประกอบทั้งหมดของเวบนะครับ  Thank you to owners of these pictures on this page.

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ภาษาอังกฤษวันละคำ: address ไม่ใช่แปลได้แค่ว่า "ที่อยู่" :D

สวัสดีครับ วันนี้ภาษาอังกฤษวันละคำ ขอเสนอคำว่า address

สำหรับพวกเราที่เป็น (หรือว่าเคยเป็น) นักเรียนคงจะทราบกันดีว่าคำนี้แปลว่า "ที่อยู่"
ถ้าให้สำนักโพลสวนลุมฯ มาทำโพลสำรวจความคิดเห็นคนไทยร้อยคน ว่า address แปลว่าอะไร ผมเชื่อว่ามากกว่าแปดสิบคนจะต้องบอกว่า "ที่อยู่" แหงๆ :)  ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เพราะว่าพวกเราเรียนกันมาอย่างนี้  เราเรียนกันมาว่า คำว่า address เป็นคำนาม (noun) และแปลว่า "ที่อยู่"

อันที่จริง คำนี้ก็เป็นคำกริยา (verb) ด้วยเช่นกัน และแปลได้ความหมายอีกหลายอย่าง ดังตัวอย่างด้านล่างนี้ครับ


Address ในรูปของคำกริยา (verb) แปลว่า
1. "จ่าหน้าซอง (<-- หมายถึง เขียนที่อยู่ผู้รับบนซองจดหมาย หรือพัสดุไปรษณีย์)" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค I have addressed the letter, but it needs a stamp.  ผมจ่าหน้าซองแล้ว แต่ยังไม่ได้ติดแสตมป์

2. "รับมือกับ" หรือ "เข้าไปดูแล" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค We need to address important issues.  เราต้องรับมือกับปัญหาสำคัญๆ เหล่านั้น

3. "นำ (เขา/เธอ) ไปสู่" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค What she did addressed herself to the problem.  สิ่งที่เธอกระทำ นำตัวเธอไปสู่ปัญหา

4. "ส่ง (ยื่น) ให้โดยตรง"  ดังเช่นในตัวอย่างประโยค He addressed his petition to the Prime Minister.  เขายื่นจดหมายร้องเรียนให้นายกรัฐมนตรี

5. "คุย" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค He addresses only to his girlfriend.  เขาคุยกับเพื่อนหญิงของเขาคนเดียว (ไม่สนใจคนอื่น)

6. "เรียก" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค I addressed him as "sir". ผมเรียกเขา(อย่างให้เกียรติ)ว่า "ท่านครับ".

7. "กล่าวสุนทรพจน์" ดังเช่นในตัวอย่างประโยค  The Prime Minister addressed the crowd. นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชน

สำหรับความหมายในข้อที่ 7 นั้นน่าสนใจมาก ตรงที่ว่า หากเป็นการพูดที่ดี มีหลักการ มีสัจจะ และสาระในคำกล่าว ถึงจะใช้คำนี้ได้

แต่หากเป็นการพูดที่ไม่มีสาระ หลอกลวง ไร้สัจจะ ล่ะก็ ต้องใช้คำว่า "fart" ครับ!

สวัสดีครับ โอกาสหน้าพบกันใหม่ :)

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สำนวนภาษาอังกฤษ: Running on Empty

ในช่วงนี้ผมรู้สึกว่าแผนงานส่วนตัวที่วางไว้ไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไหร่ พอมีเวลาและจะเริ่มลงมือทำ ก็มักจะมีเรื่องอื่นๆ เข้ามาแทรกเสมอ จนงานไม่ค่อยเดินหน้าเท่าที่ควร

กลัวเหมือนกันครับว่าถ้าไม่รีบลงมือทำให้เสร็จเสียที เดี๋ยวเราจะหมดไฟไปเสียก่อน  เมื่อผมนึกมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ทำให้นึกถึงสำนวนภาษาอังกฤษอันหนึ่งที่ว่า "Running on Empty"

สำนวนนี้มีความหมายว่า "ขาดความกระตือรือล้น" หรือว่า "หมดไฟ" (ที่จะทำอะไร) นั่นเองครับ

วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สำนวนภาษาอังกฤษ: Walk the Talk

สวัสดีครับคุณผู้อ่าน
ช่วงฤดูร้อน (แต่ฝนดันตกหนัก) ที่ผ่านมา เป็นอย่างไรกันบ้างครับ

อีกไม่นานก็จะถึงวันเลือกตั้งกันแล้ว คุณผู้อ่านก็คงจะได้เห็นสโลแกน และแคมเปญของนักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ เยอะแยะไปหมด  ขับรถหรือนั่งรถเมล์ไปก็ไล่อ่านไปตามเสาไฟฟ้ากันจนเคลิ้มไปหมด

พออ่านไปเรื่อยๆ อยู่ๆ ก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวของผมว่า แคมเปญต่างๆ ที่นักการเมืองบอกว่าจะทำให้ประชาชนนั้น จะมีซักกี่เรื่องที่จะทำให้ประชาชนจริงๆ

พอนึกมาถึงตรงนี้แล้ว ก็เลยนึกถึงสำนวนภาษาอังกฤษขึ้นมาได้อันนึงครับ ก็เลยเอามาแบ่งปันให้คุณผู้อ่าน

สำนวนที่ว่านี้คือ Walk the Talk ครับ สำนวนนี้มีความหมายว่า "อย่าดีแต่พูด (โม้)  ให้ลงมือทำเลย" หรือเป็นการ "ทำตามที่สัญญาเอาไว้"

หลังจากที่เราได้รัฐบาลชุดใหม่แล้ว เราจะมาดูกันว่า นักการเมืองเค้าจะ walk the talk รึเปล่าน้า ;D

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สุขภาพ: มาดื่มชากันเถอะ ภาค 2 ชามะนาว ชานม

สวัสดีครับ ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ว่าจะมาแนะนำเกี่ยวกับน้ำชาเพิ่มเติม  วันนี้ก็จะมาแนะนำวิธีการชงชามะนาว และชานมกันครับ คราวนี้ชาที่ใช้เป็นชาฝรั่งในซองนะครับ อย่างเช่น ชาลิปตัน


  1. ใส่ถุงชาหนึ่งถุงต่อหนึ่งคนในถ้วย
  2. เทน้ำต้มที่เพิ่งจะเดือดใหม่ๆ ลงไปในถ้วยชา  วิธีนี้จะทำให้กลิ่นหอมเข้มข้นของชาออกมา
  3. จุ่มถุงชาไว้ 2-3 นาที นานตามความชอบของแต่ละคน
  4. ทีนี้ถ้าจะทำชานม ก็ให้ใส่น้ำตาลสักสองช้อนชา และใส่นมสด แล้วคนให้เข้ากัน แล้วเสิร์ฟได้ทันทีครับ  หากจะทำชามะนาว ก็ให้ใส่น้ำตาลสักสองช้อนชา และฝานมะนาวสักหนึ่งส่วนสาม (1/3) ลูกบีบใส่ตามลงไป แล้วคนให้เข้ากัน 
 หมายเหตุ หากต้องการทำเป็นเครื่องดื่มเย็น ก็ต้องใส่น้ำตาล และมะนาว เพิ่มอีกสัก 50% ของที่เติมอยู่นะครับ เพราะน้ำแข็งจะไปทำให้รสชาติเดิมเจือจางลง

เรียบร้อยแล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการดื่มชานะครับ  อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ และชลอความแก่
 
ขอบคุณที่ติดตามครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โปรดระวัง อย่าไปไหนกับใครที่ไม่รู้จัก เคราะห์อาจมาเยือนได้

เห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มาก โปรดระวังและเตือนคนรู้จักกันด้วยครับ ไม่เจอกับตัวก็ไม่ซาบซึ้ง

พยาบาลเฝ้าไข้คุณพ่อเล่าให้ฟังเมื่อเย็นวันนี้ถึงอดีตที่ขมขื่นและเป็นเวรกรรมอะไรไม่รู้ อยู่ ๆ ต้อง
ไปทำหน้าที่ช่วยทำอาหารให้กับแขกเหรื่อของนายที่ต่างจังหวัด โดยจำเป็นต้องเดินทางไปกับ
คนไม่รู้จักอีก 4 คน พร้อมอุปกรณ์ทำอาหารและเครื่องครัวสารพัด

ระหว่างเดินทางเจอด่านตรวจ ตำรวจเข้าตรวจค้น พบอาวุธสงครามใช้แล้วจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่
ในรถโดยที่เธอไม่ทราบมาก่อนว่ามีการซื้ออาวุธสงครามเหล่านั้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ผลคือเธอ
ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันมีอาวุธสงครามและนำไปในที่สาธารณะ และโดนข้อหาอื่น ๆ อีกหลายกระทง

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 19 ปี 6 เดือน ระหว่างอุทธรณ์ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะถือเป็นคดี
ร้ายแรง ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เธอได้เพียร
พยายามต่อสู้คดีทุกวิถีทาง ระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำได้ต่อสู้คดีถึงสามศาล ทำให้เสียค่าใช้จ่าย
จนหมดเนื้อหมดตัว

คดีนี้เมื่อไปถึงศาลสูงสุด ประเด็นพิจารณาว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องหรือไม่ ในทางนำสืบจำเลยร่วม
ซึ่งเป็นพยานจำเลยในคดีนี้และเป็นคนขับรถได้ให้การว่า เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธสงครามนี้  เพียงแต่นายของเธอซึ่งเป็นคนรู้จักกันขอแรงให้ช่วยไปส่งที่หมายปลายทางเดียวกันด้วยเท่านั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการตรวจค้นในวันเกิดเหตุว่า อาวุธสงครามเหล่านั้นถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่งซึ่งทนายจำเลยได้ซักค้านถึงขั้นตอนการตรวจค้นว่าตำรวจพบอาวุธได้อย่างไร ปรากฏว่าเบาะนั้นถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา ตำรวจต้องใช้กุญแจและไขควงไขเบาะออกจึงจะสามารถพบเห็นอาวุธเหล่านั้นได้  ด้วยประเด็นนี้จึงทำให้ศาลฎีกาได้เห็นว่า เธอน่าจะไม่รู้เห็นและน่าจะไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้นด้วย พิพากษายกฟ้องเฉพาะเธอ ส่วนที่เหลือในรถทั้ง 4 พิพากษายืน จำคุกโดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลา 19 ปี 6 เดือน

คดีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความเคราะห์ร้ายที่ถูกส่งตัวไปช่วยเหลืองานโดยไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิด  เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์สำหรับใครก็ได้ที่อยู่ ๆ ก็ต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ 6 ปีเศษระหว่างเธออยู่ในเรือนจำ ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจกับความผิดที่ไม่ได้ก่อ  ลูกเล็ก ๆ ขาดแม่อบรมดูแล ทรัพย์สินเงินทองที่หามาด้วยหยาดเหงื่ออย่างลำบากแสนสาหัส ฟังแล้วก็อดสงสารเธอไม่ได้

คดีเพิ่งจบเมื่อ พ.ย.2553 ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังเยียวยาความเสียหายให้เธอ (แต่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่  ขณะนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้ว เรื่องต่าง ๆ ก็ยังคงเงียบอยู่)

พิมพ์ถึงตรงนี้รู้สึกเศร้าใจมาก กับชะตากรรมของผู้หญิงคนนึง ถ้าเป็นเราต้องอยู่ในสภาพเธอ หัวจิตหัวใจจะสู้ได้อย่างเธอไหม ขอให้เธอมีวันดี ๆ นับแต่นี้ไปครับ

ฉะนั้น "โปรดระวัง อย่าไปไหนกับใครที่ไม่รู้จัก เคราะห์อาจมาเยือนได้" 


ที่มา: คุณ forte@soi15 สยามนาฬิกา

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สุขภาพ: มาดื่มชากันเถอะ ภาค 1 ชาดำ ชาเขียว

ช่วงนี้ผมทำงานอยู่ที่บ้าน พอว่างก็มักจะชงกาแฟดื่ม กลายเป็นว่าวันนึงได้ดื่มกาแฟมากกว่าหนึ่งถ้วย เสร็จแล้วตอนกลางคืนก็เลยนอนไม่ค่อยจะหลับ แต่ก็กลัวว่าดื่มกาแฟมากไปแล้วจะเสียสุขภาพ ผมก็เลยมาหาเครื่องดื่มอื่นดื่มแทนกาแฟบ้าง จะได้เป็นการลดการดื่มกาแฟลง

คิดได้อย่างนั้นแล้ว ผมก็มองไปรอบๆ ครัว สายตาก็พลันไปเจอเข้ากับชาหลากหลายชนิด ทั้งชาจีน ชาญี่ปุ่น ชาฝรั่ง แม้กระทั่งชาเกาหลี!!!  โอ้โฮแฮะ บ้านผมสะสมชาไว้เยอะโดยที่ผมไม่เคยสังเกตุเลยแม้แต่น้อย  และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเริ่มดื่มชาทดแทนกาแฟบ้าง จากข้อมูลที่ไปค้นหามา ก็พอทำให้ทราบว่าประโยชน์ของชามีอะไรบ้าง วิธีการชงชาทำอย่างไร แม้กระทั่งวิธีดื่มชาอย่างถูกต้อง

ตอนนี้เป็นภาคหนึ่งนะครับ จะเน้นที่ชาจีน ชาญี่ปุ่นนะครับ 


ประโยชน์ของชา

จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่า ชามีสารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบต่าง ๆ อยู่หลาย
ชนิด เช่น โพลิฟินนอล แคททาซีน แทนนิน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี คอมเพล็ก สารฟลูออไรด์ มังกานีส โปแตสเซียม และสังกะสี เป็นต้น ชาเขียวจะมีปริมาณของสาร
ประกอบเหล่านั้นในปริมาณมาก สารเหล่านี้จะให้ประโยชน์ต่อร่างกาย คือ
  • ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แข็งแรง ลดความเครียด
  • ช่วยย่อยอาหาร ละลายไขมัน
  • ช่วยดับกลิ่นปาก และป้องกันฟันผุ
  • ช่วยฆ่าเชื้อโรคบางชนิด เช่น โรคท้องเสียที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
  • ใบชาช่วยดูดชับกลิ่น เช่น ใช้ดูดกลิ่นในตู้เย็น หรือในตู้เสื้อผ้าเป็นต้น
  • นอกจากนั้น ชาเขียวสามารถที่จะช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ตลอดจนช่วยชะลอความชราของร่างกายได้

ในการนำชามาชงดื่มเพื่อจะให้ได้รสชาติที่ดีนั้น จะต้องได้ความสมบูรณ์จากองค์ประกอบในส่วน
ต่าง ๆ คือ
  1. ใบชาหรือชาผง จะต้องเป็นชาใบ หรือชาผงคุณภาพดี
  2. น้ำต้มสุก จะต้องเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากสี กลิ่น รส และต้องต้มให้เดือดใหม่ ๆ

วิธีการชงชาที่ถูกต้อง
วิธีชงชาใบ หรือชาจีน มีขั้นตอนดังนี้
  1. อุ่นกาน้ำชาโดยใช้น้ำร้อนลวกภาชนะเพื่อให้กาน้ำชาและถ้วยชาอุ่นขึ้น และข้อดีอีกอย่างนึงคือช่วยฆ่าเชื้อโรคและดับกลิ่นต่าง ๆ ในภาชนะ
  2. ใส่ใบชาลงในปริมาณที่พอเหมาะไม่เกิน 1 ใน 3 ของกาน้ำชา
  3. เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาให้เต็ม เพื่อกระตุ้นใบชาให้คลี่ออกและช่วยล้างใบชาให้สะอาด แล้วเท
  4. น้ำทิ้ง
  5. เทน้ำร้อนเดือดใหม่ ๆ ลงในกาน้ำชาอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที
  6. เทน้ำชาลงในถ้วยเสิร์ฟให้หมด ยกเสิร์ฟ
  7. เมื่อต้องการดื่มชาเพิ่มให้เติมน้ำเดือดลงไปอีกครั้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วจึงเทน้ำชาเสิร์ฟใหม่อีกครั้ง ใบชาที่ใช้ชงแต่ละครั้งสามารถใช้ได้ประมาณ 3 - 7 ครั้ง ในครั้งต่อ ๆ ไปหลังจากเติมน้ำร้อนเพิ่มแล้วควรทิ้งไว้นานกว่า 3 นาที และนานไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้น้ำชาจืด

เรื่องปริมาณใบชานี่ หากใส่ใบชาในปริมาณที่เข้มพอดี ชาจะมีรสฝาดของแทนนิน
ซึ่งนั่นแหละครับ ความอร่อยสุดยอดอยู่ตรงนี้  ความฝาดนิดๆ ที่เคลือบปากและลิ้น ลงไปถึงลำคอ
จะทำให้เกิดความชุ่มคอ และหอมชื่นใจแบบสุดๆ

วิธีดื่มชาที่ถูกต้อง
1. ใช้ภาชนะแก้วชาขนาดเล็ก ปากกว้างซักหน่อย ใส่ชาให้พอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป  ถ้าเป็นแก้วชาแบบกระเบื้อง แก้วชาจะร้อนมาก
2. เวลาจับ ใช้นิ้วโป้ง กับนิ้วกลาง หนีบตรงปากแก้ว  แล้วใช้นิ้วนางรองที่สันก้นแก้ว  ยกขึ้นมาดมก่อน เพื่อรับรู้กลิ่น แล้วจึงยกแก้วมาสัมผัสกับปาก โดยห้ามเป่าเด็ดขาด เพราะจะเป็นการไล่กลิ่นหอมของชาให้หายไป
3. ให้ดื่มชาโดยหายใจออก แล้วดูดลมเข้าปาก โดยลมช่วงแรกจะดูดเอากลิ่นของชาเข้าสู่ปากและปอ และให้เอียงแก้วให้น้ำชาโดนลมช่วงต่อมาดูดเข้ามากระจายในปาก
4. อมชาเอาไว้ ให้น้ำชากลัวไปทั้งปากและลิ้น สัมผัสรสชาติที่ได้ในปาก และเริ่มหายใจออกช้าๆ ตอนนี้จะได้กลิ่นของชาที่เข้าไปตอนแรก รวมกับที่มากับน้ำชาตอนหลัง

การดื่มชาแบบนี้ คุณจะแยกชาที่ดี กับชาที่ไม่ดีออกจากกันได้เลยทีเดียว
แม้ว่าคุณจะไม่ชำนาญเรื่องชาเลย ก็ยังคงสามารถรู้สึกได้...

ขอให้ดื่มชาอย่างมีความสุขนะครับ :)
ที่มา: http://kohsija.exteen.com/20070308/entry-1
http://took_dee.tarad.com/webboard_638245_6168_en?lang=en