วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สุขภาพ: มาดื่มชากันเถอะ ภาค 2 ชามะนาว ชานม

สวัสดีครับ ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ว่าจะมาแนะนำเกี่ยวกับน้ำชาเพิ่มเติม  วันนี้ก็จะมาแนะนำวิธีการชงชามะนาว และชานมกันครับ คราวนี้ชาที่ใช้เป็นชาฝรั่งในซองนะครับ อย่างเช่น ชาลิปตัน


  1. ใส่ถุงชาหนึ่งถุงต่อหนึ่งคนในถ้วย
  2. เทน้ำต้มที่เพิ่งจะเดือดใหม่ๆ ลงไปในถ้วยชา  วิธีนี้จะทำให้กลิ่นหอมเข้มข้นของชาออกมา
  3. จุ่มถุงชาไว้ 2-3 นาที นานตามความชอบของแต่ละคน
  4. ทีนี้ถ้าจะทำชานม ก็ให้ใส่น้ำตาลสักสองช้อนชา และใส่นมสด แล้วคนให้เข้ากัน แล้วเสิร์ฟได้ทันทีครับ  หากจะทำชามะนาว ก็ให้ใส่น้ำตาลสักสองช้อนชา และฝานมะนาวสักหนึ่งส่วนสาม (1/3) ลูกบีบใส่ตามลงไป แล้วคนให้เข้ากัน 
 หมายเหตุ หากต้องการทำเป็นเครื่องดื่มเย็น ก็ต้องใส่น้ำตาล และมะนาว เพิ่มอีกสัก 50% ของที่เติมอยู่นะครับ เพราะน้ำแข็งจะไปทำให้รสชาติเดิมเจือจางลง

เรียบร้อยแล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการดื่มชานะครับ  อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ส่งผลดีต่อการทำงานของหัวใจ และชลอความแก่
 
ขอบคุณที่ติดตามครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

โปรดระวัง อย่าไปไหนกับใครที่ไม่รู้จัก เคราะห์อาจมาเยือนได้

เห็นว่าเรื่องนี้มีประโยชน์มาก โปรดระวังและเตือนคนรู้จักกันด้วยครับ ไม่เจอกับตัวก็ไม่ซาบซึ้ง

พยาบาลเฝ้าไข้คุณพ่อเล่าให้ฟังเมื่อเย็นวันนี้ถึงอดีตที่ขมขื่นและเป็นเวรกรรมอะไรไม่รู้ อยู่ ๆ ต้อง
ไปทำหน้าที่ช่วยทำอาหารให้กับแขกเหรื่อของนายที่ต่างจังหวัด โดยจำเป็นต้องเดินทางไปกับ
คนไม่รู้จักอีก 4 คน พร้อมอุปกรณ์ทำอาหารและเครื่องครัวสารพัด

ระหว่างเดินทางเจอด่านตรวจ ตำรวจเข้าตรวจค้น พบอาวุธสงครามใช้แล้วจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่
ในรถโดยที่เธอไม่ทราบมาก่อนว่ามีการซื้ออาวุธสงครามเหล่านั้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ผลคือเธอ
ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันมีอาวุธสงครามและนำไปในที่สาธารณะ และโดนข้อหาอื่น ๆ อีกหลายกระทง

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 19 ปี 6 เดือน ระหว่างอุทธรณ์ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวเพราะถือเป็นคดี
ร้ายแรง ต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เธอได้เพียร
พยายามต่อสู้คดีทุกวิถีทาง ระหว่างถูกคุมขังในเรือนจำได้ต่อสู้คดีถึงสามศาล ทำให้เสียค่าใช้จ่าย
จนหมดเนื้อหมดตัว

คดีนี้เมื่อไปถึงศาลสูงสุด ประเด็นพิจารณาว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องหรือไม่ ในทางนำสืบจำเลยร่วม
ซึ่งเป็นพยานจำเลยในคดีนี้และเป็นคนขับรถได้ให้การว่า เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธสงครามนี้  เพียงแต่นายของเธอซึ่งเป็นคนรู้จักกันขอแรงให้ช่วยไปส่งที่หมายปลายทางเดียวกันด้วยเท่านั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการตรวจค้นในวันเกิดเหตุว่า อาวุธสงครามเหล่านั้นถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะที่นั่งซึ่งทนายจำเลยได้ซักค้านถึงขั้นตอนการตรวจค้นว่าตำรวจพบอาวุธได้อย่างไร ปรากฏว่าเบาะนั้นถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา ตำรวจต้องใช้กุญแจและไขควงไขเบาะออกจึงจะสามารถพบเห็นอาวุธเหล่านั้นได้  ด้วยประเด็นนี้จึงทำให้ศาลฎีกาได้เห็นว่า เธอน่าจะไม่รู้เห็นและน่าจะไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้นด้วย พิพากษายกฟ้องเฉพาะเธอ ส่วนที่เหลือในรถทั้ง 4 พิพากษายืน จำคุกโดยไม่รอลงอาญาเป็นเวลา 19 ปี 6 เดือน

คดีนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความเคราะห์ร้ายที่ถูกส่งตัวไปช่วยเหลืองานโดยไม่ได้มีส่วนร่วมกระทำความผิด  เรื่องนี้จึงเป็นอุทธาหรณ์สำหรับใครก็ได้ที่อยู่ ๆ ก็ต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ 6 ปีเศษระหว่างเธออยู่ในเรือนจำ ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจกับความผิดที่ไม่ได้ก่อ  ลูกเล็ก ๆ ขาดแม่อบรมดูแล ทรัพย์สินเงินทองที่หามาด้วยหยาดเหงื่ออย่างลำบากแสนสาหัส ฟังแล้วก็อดสงสารเธอไม่ได้

คดีเพิ่งจบเมื่อ พ.ย.2553 ขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังเยียวยาความเสียหายให้เธอ (แต่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่  ขณะนี้ผ่านมาครึ่งปีแล้ว เรื่องต่าง ๆ ก็ยังคงเงียบอยู่)

พิมพ์ถึงตรงนี้รู้สึกเศร้าใจมาก กับชะตากรรมของผู้หญิงคนนึง ถ้าเป็นเราต้องอยู่ในสภาพเธอ หัวจิตหัวใจจะสู้ได้อย่างเธอไหม ขอให้เธอมีวันดี ๆ นับแต่นี้ไปครับ

ฉะนั้น "โปรดระวัง อย่าไปไหนกับใครที่ไม่รู้จัก เคราะห์อาจมาเยือนได้" 


ที่มา: คุณ forte@soi15 สยามนาฬิกา